Key Ingredient :

1. AMLA OIL จากประเทศอินเดีย (INDIA) น้ำมันเมล็ดมะขามป้อมเป็นพืชที่นิยมเอามาสกัดน้ำมัน โดยส่วนที่นิยมใช้มากที่สุดเพราะมีสารประกอบที่ดีอยู่มากที่สุด คือส่วนที่เป็น Seed (เมล็ด) ในศาสตร์การแพทย์อายุรเวทที่มีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย น้ำมันมะขามป้อมอินเดียอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิว ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ควบคุมความมัน ป้องกันรังแค บรรเทาอาการคัน ให้ความชุ่มชื้น บำรุงผมแห้งเสีย เพิ่มความแข็งแรง ปกป้องเส้นผมจากมลภาวะ และอาจช่วยป้องกันผมร่วงได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ รากผมแข็งแรงขึ้น เส้นผมแข็งแรงไม่เปราะหักง่ายจากโคนจรดปลาย ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมยาวไวขึ้นโดยธรรมชาติ บรรเทาปัญหารังแค หนังศีรษะแห้งลอก หนังศีรษะมัน อุดตัน ป้องกันผมหงอกก่อนวัยอันควร

2. TEA TREE OIL จากประเทศอินเดีย (INDIA) Tea Tree Oil เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดใบของต้นทีทรี พืชพื้นเมืองแถบตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย มีส่วนประกอบเป็นสารหลายชนิด มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและฆ่าเชื้อชนิดต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อรานิยมนำมาผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาผิวหนังอักเสบ สิว รังแค เชื้อราที่เล็บ รวมถึงการสมานแผลตามร่างกายด้วย tea tree oil ใช้เพื่อช่วยรักษาและฟื้นฟูหนังศีรษะและเส้นผมได้อีกด้วย น้ำมันจากต้นทีทรีมีคุณสมบัติรักษารังแค โดยมีส่วนช่วยในการกำจัดสารเคมีและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมสุขภาพดีขึ้นและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น งอกงามไม่หลุดร่วงง่าย

3.JOJOBA OIL จากประเทศอินเดีย (INDIA) น้ำมัน โจโจ้บาออยล์ มีโครงสร้างทางเคมี คล้ายกับ Sebum (น้ำมันที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ) จึงให้ความชุ่มชื้นกับผิว ไม่อุดตันรูขุมขน ไม่ทำให้เกิดการแพ้ หรือระคายเคืองมีวิตามินอีสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นิยมผสมในครีมบำรุงผิว มี Myristic acid ช่วยป้องกันแสงแดด และบรรเทาอาการแสบใหม้ของผิวจากแดด จึงเหมาะกับการผสมในผลิตภัณฑ์กันแดด มีความปลอดภัยหากนำมาใช้ทำความสะอาดผิวบริเวณรอบดวงตา เพราะดูดซึมได้ดี และไม่มันเยิ้ม ช่วยทำความสะอาดหนังศรีษะ บรรเทาอาการหนังศรีษะแห้งคัน และเป็นขุย บำรุงรากผม และป้องกันเส้นผมแห้ง แตกปลาย ช่วยขจัดสิ่งสกปรก และปรับสภาพหนังศรีษะให้ชุ่มชื้นได้นานขึ้น

4.ARGAN OIL จากประเทศฝรั่งเศส(FRANCE) อาร์แกนออยล์ผลิตจากเม็ดของต้น โมร็อกกัน อาร์แกน ฟรี ซึ่งเด่นในเรื่องของการเป็นสารอาหารผิวและผม เพราะว่ามีวิตามินอีมากกว่าในน้ำมันมะกอกถึง 3 เท่าด้วยกัน รวมถึงมีวิตามินเอและกรดไขมันที่จำเป็นค่อนข้างสูง ซึ่งจะเข้าไปช่วยซ่อมแซมปรับสภาพและฟื้นฟูพื้นผิวที่ถูกทำลาย และก็ยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และขจัดสิ่งสกปรกได้อีกด้วย อีกทั้งเรายังสามารถใช้อาร์แกนออยล์ได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเล็บ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น Liquid Gold หรือ ทองคำเหลว เลยทีเดียว เส้นผมที่ขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 รวมถึงวิตามินเอและอี มักจะแห้งแตกปลายและมีแนวโน้มว่าจะเปราะขาดได้ง่าย เพราะโอเมก้า 3 มีสารอาหารจำเป็นของรูขุมขนและหนังศีรษะ ส่วนวิตามินเอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตไขมันตามธรรมชาติ (ซึ่งน้ำมันตามธรรมชาติจะทำหน้าที่เหมือนครีมนวดผม) ในขณะที่วิตามินอีจะช่วยปกป้องเส้นผมจากสภาพแวดล้อมหากเราบริโภคสารอาหารจำเป็นเหล่านี้เพียงพอ เส้นผมของเราก็จะสวยและแข็งแรงได้จากภายใน แต่อาร์แกนออยล์ก็มีสารอาหารเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีคุณประโยชน์มากมายในการบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้นุ่มลื่นและเปล่งประกายเงางาม

5.COCONUT OIL จากประเทศไทย(THAI) น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) อีกทั้งยังมีสารปฏิชีวนะ (จากโมโนลอริน) และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (จากวิตามินอี) น้ำมันมะพร้าวจึงมีคุณสมบัติและคุณประโยชน์ในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ในหลายๆ ด้าน ช่วยปรับสภาพเส้นผม น้ำมันมะพร้าวเป็นเหมือนคอนดิชันเนอร์ธรรมชาติ ที่ช่วยปรับสภาพเส้นผมให้ผมนุ่มสลวยเป็นเงางาม และยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ช่วยปรับสภาพหนังศีรษะ ในน้ำมันมะพร้าวมีสารปฏิชีวนะที่คอยทำลายเชื้อโรค การใช้ น้ำมันมะพร้าวหมักผม จะช่วยไม่ให้หนังศีรษะแห้ง และป้องกันการเกิดรังแคด้วย อีกทั้งยังมีวิตามินอีที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้พื้นผิวบนหนังศีรษะมีความชุ่มชื้นและสุขภาพดี ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี เส้นผมประกอบไปด้วยส่วนนอก (Cuticle) ที่ทำหน้าที่หุ้มส่วนใน (Cortex) ซึ่งหากส่วนนอกอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด เส้นผมก็จะปกติ มีความยืดหยุ่น ทนทานต่อการบิดงอ ส่วนผมส่วนในก็จะประกอบไปด้วยโปรตีนที่เรียกว่า เคราติน ซึ่งโปรตีนตัวนี้จะสูญเสียหรือสลายตัวไปหากเส้นผมถูกทำร้าย เช่น การดัดผม การทำสีผม หรือการทำเคมีกับผมทั้งหลาย ซึ่งการบำรุงผมด้วยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดความเสียหายของเส้นผมได้ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติยึดเกาะกับโปรตีนของเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังมีโมเลกุลเล็กจึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก