เทคนิคคำนวนต้นทุนการผลิต ราคาขาย และกำไรให้โดนใจทั้งผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์
การทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าให้ประสบความสำเร็จ เจ้าของแบรนด์และบริษัทตัวแทนรับผลิตเครื่องสำอางส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญไปที่การสร้างสินค้าเครื่องสำอางที่ดี มีคุณภาพได้มาตรฐาน และการทำการตลาดด้วยกลวิธีการโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เพราะเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ก็ทำกันทั่วไป แต่ในยุคสมัยนี้หากเราต้องการให้สินค้าเครื่องสำอางของเราตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด ก็จำเป็นที่จะต้องคิดอะไรให้รอบด้านมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การคำนวนต้นทุนการผลิต และการตั้งราคาสินค้าจากการรับผลิตเครื่องสำอางมาจนถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ช่วยส่งเสริมและเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจเครื่องสำอางให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการเทคนิคตั้งราคาขายนี้ไม่ใช่แค่เพียงแต่เป็นการตั้งราคาให้น่าซื้ออย่าง ราคา 99 บาท หรือ 199 อะไรทำนองนั้น แต่จะเป็นการตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสมกับต้นทุน ราคากลาง และราคาที่โดนใจทั้งลูกค้ากับเจ้าของแบรนด์อย่างเราเอง โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ
– สร้างสินค้าที่เหมาะสมกับตลาดที่สุดโดยไม่เอาราคาทุนมาเป็นตัวตั้ง คือหลักการง่าย ๆ ในการรับผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ สินค้าที่ดีจะไม่ถูกกำหนดราคาต้นทุนเอาไว้ก่อน แต่จะถูกผลิตขึ้นโดยเอาคุณภาพและมาตรฐานมาเป็นสำคัญเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อลูกค้า จากนั้นค่อยมาดูกันว่าต้นทุนในการผลิตสินค้าอยู่ที่เท่าไร
– จากราคาทุนที่ได้ให้นำมาเปรียบเทียบกับราคาสินค้าในท้องตลาด เป็นขั้นตอนต่อมาจากที่ได้ทุนในการรับผลิตเครื่องสำอางแล้ว ให้เราดูว่าสินค้าเกรดเดียวกับผลิตภัณฑ์ของเราที่ขายอยู่ในตลาดเครื่องสำอาง ตอนนี้มีราคากลางอยู่ที่เท่าไร เมื่อหักลบกับราคาทุนของเราก็จะทำให้ได้ราคาที่ทำให้เกิดกำไรของเราได้แล้ว จากจุดนี้เองที่จะทำให้เราสามารถกำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสมโดยใช้เทคนิคทั่วไปได้ อย่างเช่น ราคาต้นทุนสินค้าอยู่ที่ชิ้นละ 150 บาท ส่วนราคากลางในตลาดจะขายกันที่ 250 บาท เราสามารถเล่นเทคนิคดึงความสนใจด้วยการตั้งราคาที่ 245 บาทได้ โดยยอมลดกำไรลงนิดหน่อย แต่จะช่วยให้สินค้ามีราคาน่าซื้อที่มากกว่าได้
นอกจากนั้นแล้วการกำหนดราคาทั้งต้นทุนและราคากลางจากบริษัทรับผลิตเครื่องสำอางยังสามารถใช้เทคนิคอัพราคาตามแบรนด์ได้ด้วย หากแบรนด์สินค้าของเราติดตลาดและได้รับการตอบรับที่ดี มีกลุ่มลูกค้า ก็จะช่วยให้เราสามารถกำหนดราคาขายที่สูงขึ้นได้ แต่ก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ดี อย่างนั้นเจ้าของแบรนด์แต่ละคนก็ลองเอาเทคนิคที่ว่ามานี้ไปใช้คำนวนกันดูได้ แล้วการกำหนดราคาสินค้าของเราจะง่ายและโดนใจทั้งคนซื้อและคนขายขึ้นเยอะเลย